วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

เอเจลแพแตก !! ผู้นำย้ายค่ายหนี

ผมเองเป็นคนนึงที่เคยเข้าไปร่วมธุรกิจกับค่ายเอเจล ข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรที่เกี่ยวกับวงการเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น ไปดูข้อความในข่าวกันดีกว่าครับ
ระบบการตลาดแบบดึงดูด(Attraction Marketing)
"เอเจลแพแตก แม่ทีมแยกทีมย้ายค่ายจ้าละหวั่น หลังการจ่ายผลตอบแทนมีปัญหา ขณะที่การรุกธุรกิจต่อไปยังไม่มีการยืนยันชัดเจน แหล่งข่าวระดับสูงจาก บริษัท เอเจล เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงภายใต้แบรนด์เอเจล เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจว่า 

หลังจากที่ทางเอเจลได้มีแผนการขยายธุรกิจเครือข่าย ด้วยการดึงแม่ทีมจากค่ายขายตรงดังหลายบริษัทเข้าร่วมงาม ล่าสุดทางทีมผู้บริหารได้มีการลาออกจากบริษัทเป็นจำนวนหลายคน โดยเฉพาะทีมผู้นำธุรกิจอิสระคู่เบอร์ 1 ของเอเจลอย่าง ชนิดา-ณัฏฐ์ธรินทร์ บูรณบุตร, ธเนศ วงษา และดนุหรือพรภวิษย์ วงศ์ประเสริฐ รวมถึงดนัย วงศ์ประเสริฐ ที่เพิ่งย้ายตามน้องชายไปอยู่ค่ายเอเจล ที่ได้ย้ายไปอยู่ค่ายใหม่  ขณะที่นายนิติ สว่างทรัพย์ ผู้นำอันดับหนึ่ง ที่ยังคงอยู่ค่ายเอเจลต่อไป เนื่องจากติดปัญหากองทุนรถยนต์เฟอร์รารี่ 27 ล้านบาท

ที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวลือที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการที่มีทีมผู้นำได้ย้ายค่าย แต่ขณะนั้นยังไม่ชัดเจน และข่าวลือดังกล่าวไม่ได้กระเทือนเอเจลแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้สมาชิกเอเจลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากที่การมีสมาชิกและผู้นำหลายค่ายต่างหลั่งไหลไปอยู่ค่ายเอเจล โดยจะเห็นได้จากการจัดงานประชุมเอเจลที่พัทยาในปีที่ผ่านมาที่มีคนมาร่วมงานอย่างคับคั่ง 

ซึ่งแต่เดิมบริษัทได้มีการประกาศนโยบายการรุกธุรกิจ เน้นสินค้าเจล ในรูปแบบเสริมอาหารเป็นตัวหลัก แต่ภายหลังกลับมีสินค้าอื่นๆ เข้ามาเสริม เช่น กาแฟ หรือจะกล่าวได้ว่าสินค้า Non gel ที่ไม่ใช่เป็นทิศทางหรือนโยบายที่ประธานบริษัทเน้นในครั้งของการดำเนินธุรกิจ ทำให้เกิดความสับสนและทีมบริหารแตกในที่สุด

ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวได้รับคำยืนยันจากนายดนัย วงศ์ประเสริฐ ผู้นำธุรกิจเอเจล ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง โดยผู้นำเอเจลได้แตกออกเป็น 3 ส่วนคือ 1. นายนิติ และนายอรรครวรรษ สว่างทรัพย์ ยังคงอยู่เอเจล  2.นายดนุ หรือพรภวิษย์ วงศ์ประเสริฐ ย้ายไปอยู่ค่ายซินเนอร์จี้ และ 3.นางชนิดา-นายณัฏฐ์ธรินทร์ บูรณบุตร, นายธเนศ วงษา และนายดนัย วงศ์ประเสริฐ ยังรอความชัดเจนว่าจะไปอยู่ค่ายใดค่ายหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดได้เร็วๆนี้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เอเจลได้มีการประกาศรุกตลาดอย่างชัดเจน โดยได้วางแผนให้ประเทศไทยเป็นฐานขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ 60 ประเทศทั่วโลก ด้วยการดึงพนักงานจากบริษัทแม่ประเทศสหรัฐอเมริกาเข้ามาสนับสนุนเอเจล รวมถึงการใช้ประเทศไทยเป็นประเทศต้นแบบของความสำเร็จในการขยายธุรกิจ 

โดยเอเจลจะนำจุดแข็งในไทยไปปรับเพื่อพัฒนาใช้กับเอเจลประเทศอื่นๆ ทั่วโลก  รวมทั้งได้นำแผนความสำเร็จในไทยไปใช้ในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์  รวมทั้งมีแผนการจ้างโรงงานเพื่อผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเจลในประเทศไทย เพื่อเป็นฐานในการส่งออกไปยังประเทศต่างๆในแถบเอเชียด้วย  

จากเดิมที่ต้องสั่งสินค้าเสริมอาหารรูปแบบเจลเข้ามาจำหน่ายในไทย ทั้งนี้เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสินค้า ซึ่งขณะนี้แผนดังกล่าวยังไม่มีการยืนยันว่าเอเจลจะยังดำเนินธุรกิจต่อไปหรือไม่"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,603  23-26  มกราคม พ.ศ. 2554


เอเจล เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนเครือข่ายของผมบริษัทหนึ่ง ผมได้เรียนรู้อะไรจกที่นั่นมาพอสมควร เอเจลมีความโดดเด่นในหลายๆด้าน นี่อาจจะเป็นเรื่องของชีวิต ที่ทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง ข่าวนี้จริงมากน้อยแค่ไหน เด๋วต้องรอยืนยัน ตามหน้าหนังสือพิมพ์วงการธุรกิจเครือข่ายและนิตยสารอีกที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น